คนเสื้อแดงได้อะไรจากการ ต่อสู้??
ใจ อึ๊งภากรณ์
จุดจบของการต่อสู้รอบนี้ ซึ่งเริ่มในเดือนมีนาคม เป็นการประนีประนอมระหว่างแกนนำคนเสื้อแดงกับรัฐบาลของอำมาตย์ หลายคนคงจะผิดหวัง แต่เราควรใช้เวลาพิจารณาสถานการณ์และกำหนดแนวทางในการต่อสู้ต่อไป เรื่องมันยังไม่จบจนกว่าอำมาตย์จะถูกโค่นล้ม ดังนั้นอย่าไปเสียเวลากับอาการ “อกหัก” อย่าไปท้อ อย่าไปเดินออกจากเวทีการต่อสู้ด้วยความน้อยใจ
ขอย้ำในสิ่งที่เขียนก่อนหน้านี้.... จุดเด่นเราคืออะไร? จุดเด่นของการต่อสู้ของคนเสื้อแดงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไปมีหลายข้อคือ
· คนเสื้อแดงได้พิสูจน์ว่าเป็นขบวนการของประชาชนชั้นล่างในการต่อสู้ทางชนชั้น เพื่อเรื่องปากท้องและเพื่อประชาธิปไตยพร้อมกัน ซึ่งรวมคนชนบทและคนในกรุงเทพฯ จำนวนมาก มากจนเป็นประวัติศาสตร์ ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้ ๑๔ ตุลา การต่อสู้ของ พ.ค.ท. และการต่อสู้ในเดือนพฤษภาปี ๓๕
· การต่อสู้ที่ยาวนาน ท่ามกลางกระสุนปืน หมอกควัน และข่าวที่ถูกบิดเบือนปิดกั้นโดยรัฐบาล เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประชาชนจำนวนมาก เขาได้เรียนรู้วิธีจัดตั้งตนเอง วิธีเข้าถึงข้อมูล และวิธีกระจายข่าว ยิ่งกว่านั้นการต่อสู้ทำให้เขากลายเป็นผู้นำเอง มีความมั่นใจในการท้าทายอำนาจอำมาตย์ที่กดทับชีวิตประชาชนมานาน เราอาจพูดได้ว่าเกือบจะไม่มีใครในขบวนการเสื้อแดงที่ยังคิดแบบเดิม ไม่มีใครเป็นทาสทางความคิดของลัทธิอำมาตย์
· การต่อสู้ที่เข้มแข็งของคนเสื้อแดงนี้ บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐระดับล่าง เช่นตำรวจและทหารเกณฑ์ เริ่มคิดหนัก หลายคนไม่ยอมทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และอาจมีหลายคนที่คิดกบฏ แต่ยังไม่ทำอะไรให้เห็นชัด นี่คืออาการของวิกฤตในการปกครองของรัฐอำมาตย์ เราอาจพูดได้ว่ารัฐอำมาตย์อยู่ได้ก็ด้วยการปราบปราม ขู่เขน และการปิดกั้นข้อมูลเท่านั้น ไม่มีความชอบธรรมเลยในสายตาประชาชนนับล้าน และในสายตาสื่อต่างประเทศและชาวโลกที่สนใจประเทศไทย
· เราบังคับให้รัฐบาลอำมาตย์เลื่อนการเลือกตั้งมาข้างหน้า 3 เดือน
ขอเพิ่มเติมตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นคือ ท่ามกลางการต่อสู้ คนเสื้อแดงส่วนใหญ่หมดศรัทธาในสถาบันกษัตริย์แล้ว และสาเหตุมาจากพฤติกรรมของฝ่ายอำมาตย์เองตั้งแต่การผูกโบสีเหลืองในรัฐประหาร ๑๙ กันยา เราต้องเลี้ยงกระแสนี้ให้เติบโตมั่นคงขึ้น เพราะจะมีผลมหาศาลในการทำให้กองทัพหมดความชอบธรรมในการแทรกแซงการเมือง และเปิดทางให้มีการสร้างประชาธิปไตยแท้ได้
ข้อที่น่ากังวล
การประนีประนอมครั้งนี้ทิ้งปัญหาสำคัญๆ ไว้มากมาย เพราะไม่มีการแก้ไขการเซ็นเซอร์สื่อและอินเตอร์เน็ต ไม่มีคำมั่นสัญญาว่าจะเปิดสื่ออย่างเช่น ประชาไท หรือวิทยุชุมชน ไม่มีการพูดถึงนักโทษทางการเมืองในคดีหมิ่นเดชานุภาพฯ และคดีที่มาจากการปิดถนนท่ามกลางการประท้วง คนเหล่านี้ยังติดคุกอยู่ ในประเด็นเหล่านี้พวกเราชาวเสื้อแดงคงต้องสู้ต่อไปในรูปแบบกรณีเฉพาะ ตามจุดและชุมชนต่างๆ ไม่ใช่ยอมจำนนหรือรอการเลือกตั้ง
จุดอ่อนที่ทำให้คนเสื้อแดงชุมนุมต่อไม่ได้
เราต้องดูจุดอ่อนของขบวนการ เพราะจุดอ่อนเหล่านี้ทำให้มันยากที่จะสู้ต่อไปโดยไม่มียุทธวิธีใหม่ๆ ซึ่งเป็นผลทำให้มีการประนีประนอมในที่สุด ดังนั้นเพื่อให้ฝ่ายเราไปปรับแก้และพัฒนาการต่อสู้ในอนาคต เราต้องคิดหนักตรงนี้ เพราะการสู้กับอำมาตย์จะไม่จบง่ายๆ
· ขบวนการเสื้อแดงยังไม่จัดตั้งในหมู่คนงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างในโรงงาน หรือพนักงานในออฟฟิส ฯลฯ เพราะถ้าลูกจ้างที่เป็นเสื้อแดงจัดตั้งกันในสหภาพแรงงาน เราสามารถใช้พลังการนัดหยุดงานมากดดันอำมาตย์ และพลังนี้มีประสิทธิภาพสูง ปราบด้วยกองกำลังได้ยากอีกด้วย มันเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจ
· การนำในขบวนการเสื้อแดงควรขยายให้สะท้อนความยิ่งใหญ่ของขบวนการ กลุ่มเสื้อแดงจากชุมชนต่างๆ ที่เราเห็นชัดในรูปแบบซุ้มหรือกลุ่มคนที่เดินทางมาด้วยกัน ควรเลือกผู้แทนของตนเองหนึ่งคน และให้ผู้แทนเหล่านี้ประชุมหารือกับแกนนำตลอดเวลา เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างคนเสื้อแดงรากหญ้ากับแกนนำอย่างเป็นระบบ การตัดสินใจอะไรก็ควรตัดสินใจร่วมกันแบบนี้ ซึ่งจะทำให้ขบวนการเสื้อแดงเข้มแข็งยิ่งขึ้น แกนนำจะมีโอกาสผิดพลาดน้อยลง และรากหญ้าจะร่วมรับผิดชอบในการนำด้วย โดยที่จะสร้างความสามัคคีมากขึ้น นอกจากนี้แกนนำเสื้อแดงในทุกระดับควรมีผู้หญิง เพื่อสะท้อนความจริงเกี่ยวกับขบวนการของเรา
· คนเสื้อแดงต้องทำการบ้านหนักขึ้นในการต่อสายกับทหารเกณฑ์ เพื่อขยายการจัดตั้งของเสื้อแดงเข้าไปในกองทัพ ทหารแตงโมที่จะน่าไว้ใจและมีประสิทธิภาพสูงสุดคือทหารเกณฑ์ที่เป็นเสื้อแดง และในยามวิกฤตเราจะได้สนับสนุนให้เขาฝืนคำสั่งของพวกนายพลที่ต้องการฆ่าประชาชน
· เมื่อมีการยุบสภาและเลือกตั้ง พรรคของคนเสื้อแดงต้อง “คิดใหม่ทำใหม่” รอบสอง เพื่อครองใจประชาชนต่อไป ควรมีการเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการ นโยบายที่จะช่วยคนงานและเสริมค่าจ้าง นโยบายสร้างสันติภาพในภาคใต้ และนโยบายเพื่อปฏิรูประบบยุติธรรมและระบบสื่อมวลชน ฯลฯ เราต้องเป็นพรรคของไพร่และพรรคของเสรีภาพและต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดง ทั้งในระดับชาติ และระดับชุมชน มีบทบาทหลักในพรรค ไม่ใช่ปล่อยให้นักการเมืองเก่าๆ ที่ไม่ทำอะไร มาหากินกับการต่อสู้ของประชาชน
เรามีภารกิจในการปลดแอกพลเมืองประเทศนี้จากอำนาจเผด็จการของอำมาตย์ ถ้าเราไม่นำ “กำไร” ที่เราได้มาจากการต่อสู้ในสองเดือนที่ผ่านมา มาเสริมและพัฒนาแนวทางของเราให้ยกระดับสูงขึ้น การเสียสละของคนเสื้อแดงจะละลายไปกับน้ำ เราต้องไม่พลาดตรงนี้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมืองไทยจะกลับไปเป็นแบบเก่าไม่ได้อีกแล้ว